จบปัญหารสชาติเพี้ยน!
ด้วย 3 ปัจจัยให้รสชาติอร่อยปัง

“ทำไมลูกค้าขาประจำของเราหายไป?”

คำถามที่ผู้ประกอบการหลายคนอยากหาคำตอบ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมีสาเหตุมาจาก “รสชาติ” ที่เปลี่ยนไปทำให้ลูกค้าที่เคยติดใจรสชาติเดิมอาจเกิดความไม่พอใจ เราจึงมีเทคนิคที่จะช่วยทำให้อาหาร ขนมหวาน หรือเบเกอรี่มี “รสชาติอร่อยคงที่”
ได้มาตรฐาน สามารถทำได้ง่ายๆ ดังนี้

1. สูตรต้องคงที่

สิ่งสำคัญที่ต้องบันทึกไว้ให้เป็นมาตรฐานประจำร้าน คือ “สูตรอาหาร” เพื่อลดปัญหาเวลาเปลี่ยนมือคนทำ แล้วรสชาติจะเปลี่ยนตามไปด้วย ดังนั้นเราต้องระบุส่วนผสมของอาหาร หรือสูตรชั่งตวงของเบเกอรี่ให้ชัดเจนและแม่นยำ เพื่อให้ได้สูตรอาหารหรือเบเกอรี่ที่คงที่ ได้มาตรฐานอยู่เสมอ

2. เวลาในการปรุงต้องคงที่

การคำนวณเวลาในการปรุงก็เป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะการปรุงอาหารหรือเบเกอรี่ที่ผ่านความร้อน เพราะอาจส่งผลทำให้รสชาติเปลี่ยนไปได้ เช่น การใช้อุณหภูมิความร้อนไฟอ่อน ไฟกลาง หรือไฟแรง ที่ใช้เวลาในการปรุงต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นการใช้เวลาที่สั้นเกินไป หรือ นานเกินไป ก็อาจส่งผลให้รสชาติอาหารแตกต่างกันได้ ดังนั้นผู้ประกอบการควรคำนวณและจัดสรรระบบเวลาในการปรุงให้คงที่และแม่นยำอยู่เสมอ

3. วัตถุดิบต้องคงที่

เครื่องปรุงหรือวัตถุดิบ คือหัวใจสำคัญในการปรับแต่งรสชาติอาหารให้อร่อย การปรับเปลี่ยนสัดส่วน ทั้งเพิ่ม หรือลด ก็มีผลต่อรสชาติ ในขณะเดียวกันหากมีการเปลี่ยนเครื่องปรุง เปลี่ยนยี่ห้อ หรือทำขึ้นเอง แล้วได้รสชาติไม่คงที่ ก็ย่อมส่งผลต่อรสชาติของอาหารเช่นกัน ดังนั้นผู้ประกอบการต้องประเมินสัดส่วน เลือกผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานเพื่อให้ได้รสชาติคงที่ เช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์น้ำเชื่อมมิตรผล ให้ความหวานคงที่ ไม่ทำให้รสชาติของอาหารเปลี่ยน หรือมีรสชาติผิดเพี้ยน ผู้ประกอบการสามารถวางใจเรื่องรสชาติคงที่ได้เลย  เพราะคุณสมบัติสำคัญ 5 ข้อของผลิตภัณฑ์น้ำเชื่อมมิตรผล เหมาะสำหรับการปรุงแต่งรสชาติ คือ

  • มีความเข้มข้น ไม่ตกผลึก หรือเป็นเกล็ดน้ำตาล
  • ช่วยให้เบเกอรี่มีความชุ่มชื้น ฉ่ำวาว เงางาม น่ารับประทาน
  • ให้ความหวานคงที่ ได้มาตรฐาน
  • ช่วยลดต้นทุนได้ เช่น ค่าแก๊ส ค่าไฟ เป็นต้น
  • ประหยัดเวลา ไม่ต้องเสียเวลาเคี่ยวนาน

เมื่อผู้ประกอบการสามารถควบคุมสูตรอาหาร เวลา และวัตถุดิบ ให้อยู่ในระดับคงที่ได้แล้ว ก็ช่วยลดความกังวลใจเรื่องรสชาติเพี้ยนได้เลย เพราะองค์ประกอบสำคัญของการผลิตได้ถูกกำหนดอย่างมีมาตรฐาน และเอื้อให้ผู้ประกอบการสามารถใช้เวลาไปบริหารจัดการด้านอื่นๆ ของร้านแทน เช่น การพัฒนาสูตรใหม่ๆ การทำการตลาดและประชาสัมพันธ์ การสร้างยอดขายให้ปัง เป็นต้น เพียงเท่านี้ก็ช่วยให้ทั้งลูกค้าทั้งขาประจำและขาจรแวะเวียนมาไม่ขาดสายแล้ว